เมืองไทยขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารการกินและขนบธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะเรื่องขนมไทยมงคล จะเห็นจากการนำไปใช้ในหลายๆพิธีการสำคัญ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแต่ละชนิดมีความหมายอย่างไร?สื่อถึงอะไรบ้าง แต่เนื่องจากขนมไทยมีเยอะแยะมากมายจะอธิบายทุกตัวก็คงไม่ไหว วันนี้จึงยกตัวอย่างแค่บ้างตัวมาฝากกัน ทองหยิบ ลักษณะหน้าตาขนมจะคล้ายๆดอกไม้ ความหมายจะสื่อไปในเรื่องการเงินว่าหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง หากมีไว้หรือนำไปเป็นของขวัญให้ใคร ก็จะเป็นการอวยพรให้มีความมั่งคั่ง ร่ำรวยและรุ่งเรือง ทองหยอด ลักษณะหน้าตาขนมจะเป็นลูกหยดน้ำเล็กบ้าง ใหญ่บ้างแล้วแต่คนทำ ถ้าใช้กับงานแต่งหรือขึ้นบ้านใหม่ ก็สื่อความหมายว่าเป็นการอวยพรให้คู่บ่าว-สาว หรือเจ้าของบ้าน ร่ำรวยเงินทองไม่มีวันหมดสิ้น ฝอยทอง ลักษณะขนมจะเป็นเส้นยาวสีทอง ฝอยๆ มักจะจัดวางให้เป็นแพ ในงานแต่งจะเห็นว่ายิ่งยาวยิ่งดี และจะไม่มีการตัด เพื่อสื่อความหมายว่าให้คู่บ่าว-สาว ครองรักการไปยาวนานให้ยืนยาวเหมือนเส้นฝอยทอง แต่ถ้าใช้ในพิธีขึ้นบ้านใหม่ก็เหมือนการอวยพรให้เจ้าบ้านและคนในครอบครัวอายุยืน เม็ดขนุน อีกหนึ่งขนมมงคลที่หาซื้อได้ง่าย ที่เรียกว่า “เม็ดขนุน” นั้นเพราะลักษณะหน้าตาของขนมชนิดนี้เหมือนเม็ดขนุนจริงๆ เพราะภายในเปลือกสีทองจะมีไส้ในเป็นเนื้อสีเหลืองนวลของถั่วเขียวบดละเอียด ปัจจุบันมีการดัดแปลงไปใช้เผือกบดก็มี รสชาติหวานมัน ขนมชนิดนี้สื่อความหมายของการมีคนคอยสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ ค้ำจุน ทางด้านการงาน หรือการใช้ชีวิต ทองเอก ขนมชนิดนี้อาจจะพบเห็นได้ยากกว่าขนนอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้น มักจะเห็นแค่ตามงานมงคลใหญ่ๆ และต้องสั่งทำเท่านั้น หน้าตาของขนมชนิดนี้มักจะเป็นทรงดอกไม้ และติดทองเปลวไว้ด้านบน ความหมายของขนมชนิดนี้สื่อถึงความก้าวหน้าด้านการงาน การเลื่อนตำแหน่ง จึงเหมาะให้สำหรับการอวยพร ขนมดาราทอง หรือ ทองเอกกระจัง ขนมชนิดนี้หน้าตาสวยงามและต้องใช้ความพิธีพิถันประณีตในการทำ เนื่องจากมีขั้นตอนในการทำที่ยุ่งยากจึงไม่ค่อยพบเห็นตามร้านค้าทั่วไป และมีราคาสูง…

นอกจากอาหารจานหลักแล้ว อาหารว่างพื้นเมืองหลากหลายเมนูในภูเก็ตก็เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมกันของชาวต่างชาติ ด้วยรสชาติความอร่อย และรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์แปลกตา ที่จะช่วยดึงดูดให้เป็นที่นาสนใจ แต่จะมีเมนูอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!   บี่โกหม่อย หรือ ข้าวเหนียวดำ ถ้าพูดว่า ข้าวเหนียวดำน้ำกะทิ หลายคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเรียกตามภาษาถิ่นที่คนภูเก็ตเรียกกันว่า “บี่โกหม่อย” หลายคนคงสงสัยว่าเมนูชื่อแปลกนี้คืออะไร? ความเด่นของเมนูนี้ คือ รสชาติหวานมันของข้าวเหนียวดำที่ต้มจนเปื่อย ตัดด้วยรสเค็มของน้ำกะทิ ที่จะช่วยสร้างความกลมกล่อมและอิ่มกำลังดี     โอวต้าว อาหารพื้นเมืองที่คนมักนิยมทานเล่นเป็นอาหารว่าง เมนูนี้วิธีการทำจะคล้ายๆพวกหอยทอด คือ ใช้แป้งสาลี่ผสมแป้งมัน ใส่เผือก ใส่ไข่ หอยติบ และปรุงรสด้วยน้ำซอสสูตรเฉพาะ ผัดให้เข้ากัน จะให้รสชาติจัดจ้าน เนื้อแป้งเหนียวนุ่ม เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแคบหมูโรยหน้า     หมี่หุ้นบ่ะฉ่าง หรือ หมี่หุ้น ซุปกระดูกหมู อีกหนึ่งเมนูทานเล็กยอดนิยมไม่แพ้โอวต้าว เพราะเป็นของทานง่ายและอยู่ท้อง เหมาะสำหรับคนที่อยากหาอะไรลองท้องแต่ไม่อิ่มจนเกินไป หน้าตาก็จะเหมือนผัดเส้นหมี่ขาวในภาคกลาง แต่เส้นมีความมันหอมของขี้มัน (น้ำมันมะพร้าวเคี้ยว) โรยหน้าด้วยหอมเจียว และเสิร์ฟคู่กับน้ำซุปกระดูกหมูร้อนๆ ทำให้ได้รสสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร     โอวเอ่ว…

ใครที่ชอบรับประทานอาหารไทย ต่างเป็นที่รู้กันดีว่าอาหารไทยหลายๆชนิดมักจะมีรสเผ็ด เช่น แกงส้ม, ส้มตำ, ต้มยำ, น้ำพริก เป็นต้น เพราะเป็นรสชาติที่คู่คนไทยมาช้านาน แต่คุณรู้หรือไหมว่านอกจากรสชาติที่เผ็ดร้อนในอาหารเหล่านั้น ยังสอดแสดไปด้วยคุณประโยชน์มากมายอีกด้วย     ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เพราะความเผ็ดร้อนของพริกทำให้เราหลั่งเหงื่อออกมาคลายความร้อนหรือความเผ็ด เห็นได้ว่าคนบางคนกินเผ็ดมากเหงื่อนี้ท่วมตัวเลย   ช่วยระบบทางเดินหายใจ บางคนที่มักจะเป็นหวัดคัดจมูก หากลองหาอะไรเป็นซุปเผ็ดร้อนๆ มาทานสักหน่อย รับรองเลยว่าจะช่วยให้รู้สึกโล่งจมูกขึ้นได้ เพราะสารแคปไซซินที่อยู่ในพริกจะช่วยลดน้ำมูกและสารที่ขวางระบบทางเดินหายใจของเรา   ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร ถ้าอาหารที่คุณทานมีแต่ของทอด ซุปจืดๆ หรือผัดอะไรสักอย่าง คงจะทำให้อาหารมื้อนั้นรู้สึกเลี่ยนไม่น่ารับประทาน แต่ถ้าลองสั่งอะไรสักอย่างที่มีรสเผ็ดร้อนเข้ามา เช่น ต้มยำ, อาหารประเภทยำ หรือ แกงเผ็ด ก็อาจจะช่วยให้รู้สึกอยากอาหาร หรือทานได้มากขึ้น     ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ เพราะจากผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าในพริกมีวิตามินซีเป็นจำนวนมากมาก และการกินวิตามินซีมากจะสามารถช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะวิตามินซีจะไปช่วยยับยั้งการสร้างสารไตรซามีน ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งในร่างกายได้   ช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด เพราะความเผ็ดร้อนจะทำให้ระบบโลหิตภายในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น และยังช่วยในเรื่องของการลดความดันได้อีกด้วย   ช่วยให้รู้สึกสดชื่น เนื่องจากเมืองไทยเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อน การทานของรสเผ็ดที่มีพริกเป็นส่วนประกอบสารแคปไซซินในพริกจะส่งผลทำให้ร่างกายหลั่งเหงื่อออกมามาก และช่วยให้ร่างกายผลิตสารเอนดอฟิน ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กะปรี้กะเปร่า

ภูเก็ตขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมที่เอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเสื้อผ้าการแต่งกาย ประเพณี หรือแม้กระทั่งเรื่องของอาหาร วันนี้เราเลยรวบรวมเอาบรรดาเมนูอาหารพื้นเมืองในภูเก็ตมาฝากกัน เผื่อใครไป ใครมาภูเก็ต จะได้ลองแวะไปหาชิมกัน   1. โอวต้าว ลักษณะคล้ายหอยทอดของภาคกลาง แต่ตัวเนื้อแป้งจะใช้แป้งสาลีผสมแป้งมัน เลยจะได้แป้งที่เหนียวนุ่มกว่า มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย เวลาผัดจะใส่หอยนางรมตัวเล็กๆ หรือที่คนภูเก็ตเรียกว่า หอยติบลงไปด้วย ใส่เผือก ใส่ไข่ ผัดให้เข้ากันเป็นอันเสร็จพิธี นิยมเสิร์ฟร้อนๆ พร้อมถั่วงอกเป็นเครื่องเคียง   2. ผัดหมี่ฮกเกี้ยน มาถึงภูเก็ตทั้งทีเชื่อว่ายังไงร้อยทั้งร้อยก็ต้องมาลอง ”หมี่ผัดฮกเกี้ยน” ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองจานเด็ดของคนภูเก็ตเชื้อสายจีน ด้วยสูตรการทำเส้นที่สืบทอดการมาหลายรุ่น ทำให้เส้นหมี่เหลืองออกมาเหนียวนุ่มเวลานำไปผัดร้อนๆ เนื้อเน้นๆ   3. ขนมจีนแกงไตปลา แกงไตปลา หรือ แกงพุงปลา น้ำแกงใต้รสชาติเผ็ดร้อนเข้มข้น พร้อมเนื้อปลาย่าง และผักต่างๆ เช่นมะเขือ มะละกอดิบ ฟักทอง เป็นต้น จะเลือกรับประทานร่วมกับข้าวหรือขนมจีนก็อร่อยไม่แพ้กัน   4. ต้มส้มภูเก็ต จะต่างกับต้มส้มภาคกลางตรงที่ใช้เป็นผักแทนปลา และใส่กะปิลงไปด้วย ผักที่ใช้จะเป็นหยวกกล้วย ผักบุ้ง และสัปะรด เพิ่มความเค็มด้วยปลาฉิ้งฉ้าง…